ชีวิตในโลกสมัยใหม่

ชีวิตในโลกสมัยใหม่

Author : Admin

เคยว่าไว้ว่า เวลานี้โลกมีโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ มากมายนัก หลายโรคนั้นเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนได้อย่างรวดเร็วจนไม่อาจตั้งตัว  นั่นนับเป็นหายนะภัยใหม่ขอโรคหรือเปล่า  ในขณะที่วิถีชีวิตของผู้คนห่างออกไปจากความสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ  ห่างออกไป ห่างออกไป  วิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องสัมผัสโลกเพียงผิวเผิน ดูเหมือนชีวิตผู้คนจะไม่มีทางเลือกมากนัก ว่าก็โดยเฉพาะในเมืองใหญ่  นี่เป็นปัญหาหนึ่ง  แม้แต่ผู้คนมากมายที่หันมาสนใจการดูแลรักษาสุขภาพ หรือการกลับมาแสวงหาวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จนถึงการเยียวยารักษาโรคทางธรรมชาติบำบัด นั่นก็มีมากมายหลายสายให้แสวงหากันไป  นั่นก็เป็นกระแสที่ดีกระมัง อันว่าถึงการกลับมาใส่ใจเรื่องราวของชีวิตมากขึ้น  แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาตามมา เมื่อผู้คนนักแสวงหาทั้งหลายนั้น ส่วนหนึ่งไม่สามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้  นั่นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาทั้งหลายไม่อยากเปลี่ยนกระมัง  แต่ดูเหมือนภาระมากมายที่วางทอดเป็นแนวอยู่ในวิถีชีวิตของพวกเขาทั้งหลายนั้น มันไม่สามารถทำให้พวกเขามีเวลาได้อย่างแท้จริง   นั่นก็หมายความว่า เมื่อชีวิตมิได้ปรับเปลี่ยน  ภาวะเดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดูเหมือนว่า โลกวันนี้มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเหลือเกิน  นั่นก็คงเป็นผลพวงของเทคโนโลยีที่พลิกโฉมหน้าของโลกไปอย่างสิ้นเชิง  หลายเรื่องหลายอย่างที่หายไปจากระบบของโลก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งสำคัญ ว่าก็ดังเช่น โทรเลข หรือการเขียนจดหมาย อย่างหลังนี้อาจจะยังมีอยู่ แต่ก็น้อยลงมากเหลือเกิน ดังจะเห็นได้ว่าไปรษณีย์ไทยก็ปรับตัวอย่างมากต่อการบริการเพื่อให้เหมาะสมกับโลกสมัยใหม่  นั่นก็หมายความว่า ชีวิตของเราทั้งหลายดำเนินอยู่บนเส้นทางของข้อมูลข่าวสาร การประดิษฐ์คิดค้น  นวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นไม่เว้นวัน  และเรื่องราวต่างๆ ของโลกก็เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน  มีอยู่บ้างบางคนกระมังที่ไม่ยอม และไม่อยากก้าวตามมันไป  นั่นก็ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่นัก กระมัง….หรือเปล่า…

คำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของเราก็คือ  เราจะอยู่บนโลกนี้อย่างไรหรือ  หรือเราก็จะวิ่งตามโลกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรเราก็หนีไม่ได้ เราก็วิ่งตามมันซะ เหนื่อยหน่อย แต่เราก็ไม่ตกยุค  พยายามขยันหมั่นเพียร ตามที่เคยเรียนมาจากคนรุ่นเก่า เก็บเงินเก็บทอง เอาเงินไว้รักษาตัวเองยามเจ็บป่วย  ซึ่งก็มาแน่ๆ สักวัน ไม่มีทางเป็นอื่นได้  ด้านชีวิต ความคิดความอ่านก็ไม่ต้องทำอะไรมาก  เดี๋ยวนี้เราก็สามารถเสพความรู้สำเร็จรูปได้จากจอโทรทัศน์ซึ่งก็มีมากมายหลายช่วงหลายแบบหลายดาวเทียม อะไรก็ว่าไป  ราคาไม่แพงนักด้วย ก็ไม่ต้องขวนขวายอะไรมานัก อยู่ๆ กันไป

มีทางเลือกอื่นหรือไม่เล่า….  นี่อาจเป็นคำถามของคนบางคน…หรือเปล่า  แล้ว หรือ จะเริ่มต้นยังไง  ในการสนทนา เราคุยกันเรื่องการกลับมาเริ่มต้นที่ฐานกาย ฐานกายคือฐานที่สังคมสมัยใหม่ให้ความสำคัญน้อยที่สุด หรือเปล่า  นั่นคือภาพที่เห็นแจ่มชัดที่สุด  ในโรงเรียน ตั้งแต่ช่วงต้นปฐมวัย การเรียนการสอนทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด มั่งไปที่เรื่องของหัว  หรือถ้าจะมีฐานกายอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของการกีฬา และที่สำคัญคือการแข่งขัน   แล้วฐานกาย มันสำคัญอย่างไร…..

ในคำสอนเต๋า หรือในศาสตร์ของไท่จี๋เฉวียน บอกว่า เมื่อบ่มเพาะร่างกาย ดูแลร่างกาย ก็จะเกิดพลังชีวิต หรือการมีสุขภาพที่ดี ส่งผลถึงอารมณ์ที่เบิกบาน และเมื่ออารมณ์ที่เบิกบาน หรืออารมณ์ที่เป็นบวกทั้งมวลนั้นแล้ว ก็จะส่งผลต่อการเติบโตด้านจิตวิญญาณด้วย…

ในฐานะของผู้ฝึกฝนมวยจีน ไท่จี๋เฉวียน  มีผู้คนถามกันมาว่า มันมีคุณค่าอะไรบ้าง  ด้วยว่าตามความเข้าใจของผู้คนทั่วไปนั้น ไท่จี๋ก็เป็นการออกกำลังกายของคนเฒ่าคนแก่ หรือเปล่า ตามที่เห็นตามสวนสาธารณะ  เมื่อภาพเป็นเช่นนั้นแล้ว ผู้คนก็เพียงผ่านไปผ่านมา  และจนกว่าที่จะมีบางคนที่เริ่มรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพ เมื่ออายุมากขึ้น ว่าก็ สุขภาพเริ่มส่อแววของปัญหา  เขาก็จะเริ่มหันมาสนใจการดูแลตัวเอง  บางคนก็อาจจะเริ่มมองไปที่เรื่องของการออกกำลังกาย  ยามนี้ ภาพคนแก่รำมวยจีนก็จะผุดขึ้นมาในความทรงจำบ้างกระมัง

ต่อปัญหาสองเรื่องข้างต้น คือโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ และความเร็ว และสิ่งต่างๆ มากมายในวิถีของโลกสมัยใหม่  มวยจีนจะตอบสนองต่อปัญหาสองข้อนี้หรือไม่….

ตอบแบบง่ายๆ ก่อนก็คือ หากการบ่มเพาะฐานกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงมั่นคน  มันส่งผลต่อพลังชีวิต และการพัฒนาทางอารมณ์ และที่สุดส่งผลต่อการเติบโตด้านจิตวิญญาณ  ยกระดับสติปัญญาให้สูงขึ้น นั่นก็จะเป็นคำตอบต่อปัญหานั้นได้  ขยายความต่ออีกนิด  สืบเนื่องจากเรื่องราว หรือปัญหาต่างๆ ของโลก ก็คือว่า มนุษย์ต่างก็สร้างชุดความรู้ สร้างชุดคำตอบขึ้นมาโดยการ คิดเอา  เราภาคภูมิใจในความรู้ แต่เรามักไม่รู้ว่า ความรู้นั้น มันไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงโลกภายในของตัวเอง  แล้วเราก็เอาแต่ถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราวนั้นๆ ความรู้นั้นๆ หลายครั้งก็ทำให้เราดูดี ดูเก่ง ดูมีคุณค่ามีความหมาย  แต่คำถามก็คือ ในเรื่องราวนั้นๆ เราเพียงแต่คิดเอา ว่าเราทำได้ หรือความรู้นั้นมันพาเราไปเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาโลกภายในอย่างแท้จริง

อย่างนั้น การแปรเปลี่ยนที่แท้จะเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร  คำตอบก็คือ การลงมือทำ  การลงมือปฏิบัติ ชีวิตไม่มีทางลัด เราจะไม่สามารถเข้าไปสู่การแปรเปลี่ยนที่แท้ได้ด้วยการคิดเอา  แต่มันต้องลงมือทำ  คำถามต่อมาก็คือ ทำอะไร ตอบ… พัฒนาฐานกาย เพื่อบ่มเพาะพลังชีวิต ก่อเกิดการพัฒนาทางด้านอารมณ์ นั่นก็คือการบ่มเพาะความรัก บ่มเพาะความมั่นคงภายใน  ที่สุดนั่นก็จะนำไปสู่การเติบโตทางจิตวิญญาณ   ผู้คนมากมายพูดถึงการเติบโตทางจิตวิญญาณ  แต่นั่นมันก็ไม่สามารถเติบโตได้จริงจากเพียงการคิดเอา

อะไรสักอย่างเพื่อเป็นทางแห่งการฝึกฝน  โยคะ มวยจีน วิ่ง หรือเดิน หรือออกกำลังกายอะไรสักอย่าง แต่ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันหรือเอาชนะ  อะไรสักอย่างเพื่อฝึกฝนฐานกาย  บ่มเพาะฐานกาย  พร้อมกับการเรียนรู้หลักคิดปรัชญาของสิ่งนั้นไว้ด้วย ฝึกมวยจีน ก็มิใช่เพียงกายฝึกมวยจีน แต่มันคือการเข้าไปศึกษาในหลักความเป็นไปของธรรมชาติ และวิธีคิดของสาสตร์นั้นๆ  นั่นก็คือการเข้าไปเรียนรู้แท้ๆ ศึกษาอย่างลึกซึ้ง และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัตินั้นๆ ไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะเป็นการเข้าไปสัมผัสเรียนรู้อย่างผิวเผินเท่านั้น  และสิ่งที่ได้รับก็จะเป็นเพียงเศษซากกากเดนของสติปัญญานั้นๆ

มวยจีน ศาสตร์แห่งพลังชีวิต ขั้นพื้นฐาน 

วิทยายุทธ การออกกำลังกาย สมาธิ บ่มเพาะพลังทางกาย

ชีวิตย่อมมีพลังอยู่แล้ว แต่ภาวะของพลังชีวิต อ่อน หรือแรง   เคลื่อนเปลี่ยนไปตามสภาวะวิถีนั่นหมายถึงผลแห่งการเป็นอยู่ เปลี่ยนผ่าน ผันแปร ขาดพร่อง เต็มเปี่ยม หรือเอ่อล้น พลังชีวิตที่สมดุล ย่อมทำให้ร่างกาย จิตใจและสมองสมดุลร่วมสืบค้นพลังชีวิต  ร่วมกิจกรรมฝึกมวยไท่จี๋เฉวียน (ไท่เก๊กคุ้ง) และศึกษาระบบธาตุ เรียนรู้ปรับเปลี่ยนวิถีการปฏิบัติตน เพื่อสุขภาพอันสมดุล

เรียนต่อเนื่องจำนวน ครั้ง ตั้งแต่ 09.00 – 16.0 

ครั้งที่ 1 วันเสาร์-อาทิตย์ที่     7-8    ส.ค. 53
ครั้งที่ 2 วันเสาร์-อาทิตย์ที่   14-15  ส.ค. 53
ครั้งที่ 3 วันเสาร์-อาทิตย์ที่   21-22  ส.ค. 53
ครั้งที่ 4 วันเสาร์-อาทิตย์ที่   28-29  ส.ค. 53

รับจำนวน 10 ท่าน ค่าลงทะเบียน 4,500 บาท  

(ตลอดการอบรม 4 ครั้ง ไม่รวมค่าอาหาร ค่าอาหารว่าง ค่าที่พัก)

เรียนภาคค่ำ 10 วัน ระหว่าง วันที่ 16-20 และ 23-27 ส.ค. 53

เริ่มเวลา 18.00 ถึง 20.00 .

รับจำนวน 10 ท่าน ค่าลงทะเบียน 2,000 บาท  

(ตลอดการอบรม  ไม่รวมค่าอาหาร ค่าอาหารว่าง ค่าที่พัก) 

วิทยากร อาจารย์อภิชาติ ไสวดี กวีหนุ่ม  นักเดินทางและนักแสวงหาความหมายแห่งชีวิต บวชเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากสึกแล้วก็ออกแสวงหาครู ทั้งครูทางจิตวิญญาณ และครูผู้สร้างดุลยภาพแห่งชีวิต จนกระทั่งได้พบ อาจารย์ฌาณเดช พ่วงจีน จึงขอฝากตัวเป็นศิษย์คอยติดตาม เพื่อเรียนกังฟูและเพลงมวยต่างๆ โดยเฉพาะไท่จี๋ฉวน เพลงมวยที่ผสานจิตและกายเป็นหนึ่ง อีกทั้งองค์ความรู้ในศาสตร์แห่งเต๋า ที่เป็นทั้งปรัชญาและตำรับโบราณ ในการดูแลสุขภาพ ตลอดจนฝึกความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นที่ถือว่า เป็นความสมบูรณ์ของฐานกายที่แท้จริง